เราเกิดและโตที่จังหวัดกระบี่ หมู่บ้านในเมืองใกล้ๆชายทะเล แถวบ้านเรามีชาวมุสลิมอยู่ค่อนข้างเยอะ โตมาเลยแอบสงสัยนิดหน่อยว่าเรากินเผ็ดและพูดใต้ไม่ได้ได้ยังไง ฮ่าฮ่า แต่ด้วยความที่เราอยู่กันค่อนข้างแออัดนิดหน่อย เราเลยรู้สึกโชคดีมากที่เราได้พบสังคมเพื่อนๆ แบบเด็กรุ่นพ่อเราเจอ นัดกันไปเคอะหน้าบ้านเพื่อนชวนกันไปเล่นแถวคูน้ำ แข่งจักรยานกันจนมีล้มมีเจ็บตัวกันไปโดยไม่มีwifiมาขัดจังหวะ ขออธิบายหน่อย ตอนนั้นกระบี่ยังเป็นเมืองที่เล็กๆ สิ่งที่ศิวิลัยในสายตาเราที่สุดตอนนั้นก็คือKFCในห้างกลางเมืองโลกทัศน์เราตอนนั้นแคบมากเราเลยรู้สึกโชคดีอีกต่อที่พ่อเราเป็นสถาปนิก โตมากับจินตนาการและเรื่องราวในหนังสือหรือหนังเก่าๆ อิทธิพลของพ่อส่งต่อมาหาเราอย่างมากในเรื่องความกล้าที่จะจินตนาการ เราเริ่มสนใจงานศิลปะเมื่อพ่อแม่เราเห็นว่าเรามีพรสวรรค์ จากงานปะติดตอนอนุบาล2 รูปฉลามที่ขึ้นรูปด้วยเส้นไหมพรมสีชมพู (ใช่ เราชอบสีโทนชมพู) พ่อแม่เราส่งเราไปเรียนพิเศษศิลปะโดยเฉพาะ มันคงเป็นเป้าหมายเราในตอนนั้นที่อยากจะทำให้พ่อแม่เราดีใจ เราโดนวิจารณ์งานครั้งแรกก็ตอนอนุบาล2เหมือนกัน เราแข่งวาดภาพงานวันแม่แล้วเราได้ที่1 แม่เราชมเราด้วย ก่อนจะมีแม่อีกคน (คิดว่าน่าจะใช่แม่ของคนที่ได้ที่2) เค้าว่ารูปเราไม่สวยเท่ารูปที่ได้ที่2 อ้างสารพัด คงแค่ปลอบใจลูกเค้า แต่ใจเราตอนนั้นสลายแล้วอะ ฮ่าฮ่า ทำไมรูปเราถึงไม่ได้ถูกยอมรับจากแม่คนนี้นะ? นั้นเป็นครั้งแรกที่เรารู้สึกว่าเป้าหมายในงานของเราคือการทำให้คนอื่นยอมรับในงานของเรา โตมาเราก็เริ่มขยายความเป็นการเปิดใจ ยอมรับฟังคนอื่นพัฒนางานตัวเอง ชีวิตเราหลังจากนั้นก็โตมากับศิลปะมาโดยตลอด ทั้งแข่ง ฝึกเอง ผสมเทคนิคกับงานต่างๆ เป็นไม่กี่อย่างในมือเราที่เรากล้าทำ เรารู้สึกว่าประสบการณ์ทำงานที่สั่งสมมาทำให้เรามีมุมมองแนวคิดที่เปิดกว้างขึ้นเลื่อยๆ ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้มใหม่ สร้างแนวความคิดและอุดมการณ์ให้กับตัวอง ซึ่งเป็นสิ่งที่คนรุ่นปู่ รุ่นพ่อ หรือแม้แต่รุ่นเรารุ่นน้องเราบางกลุ่มยังขาดอยู่ สภาพสิ่งแวดล้อมที่เราอยู่กับงานฝีมือ งานออกแบบและศิลปะ ทำให้เราเข้าใจและสนุกที่ได้อยู่ร่วมกับมัน เราไม่อยากบอกเลยว่าเรารักมันจริงๆ เราแค่อยู่กับมันมากกว่าสิ่งอื่น คล้ายกับพูดภาษาไทยมากกว่าภาษาอังกฤษน่ะแหละ เราไม่กล้าพอที่จะยืนยันตรงนั้น เรามีเรื่องสนุกมากมายที่เกิดขึ้นและกำลังทำอยู่ในชีวิต แม้จะสับสนแบบนี้เราก็ไม่คิดเสียดายชีวิตที่ได้รู้จักกับศิลปะ ด้วยด้วยไมตรีมิตรที่มีมาตลอด10กว่าปี เรากล้าพูดได้เลยว่าถ้าเราเข้าใจศิลปะ เราจะทำอะไรก็ได้บนโลก (Year 1) |
Examples of Tharit's practice work